กระจกและแก้วทำจากสารออกซิไดค์ (silica) ที่มีความผสมผสานกับตะกอนหิน และโซเดียมคาร์บอเนต โดยกระบวนการหลอมเหลวในเตาหลอมที่สูง. ตัวอย่างของกระจกปกติทำจากสารออกซิไดค์ได้แก่ แก้วสี และกระจกหลายประเภทที่ใช้ในสิ่งตกแต่งหรือโครงงานแวดล้อม.
กระบวนการผลิตกระจกปกติมีขั้นตอนหลักคือ:
1. **การเก็บวัตถุดิบ**: สารออกซิไดค์, ตะกอนหิน, และโซเดียมคาร์บอเนตถูกเก็บมารวมกัน.
2. **การผสมสาร**: วัตถุดิบถูกผสมเข้าด้วยกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม.
3. **การละลาย**: สารผสมถูกละลายในเตาหลอมที่อุณหภูมิสูง.
4. **การรวมตัวกัน**: หลังจากการละลาย, สารออกซิไดค์จะเชื่อมตัวกันเป็นโคลน.
5. **การรวมตัวกัน**: โคลนที่เกิดจากขั้นตอนก่อนหน้าจะถูกเทในกระแสลม หรือถูกวางไว้ในพื้นที่ที่เทแสงให้มีลมเย็น.
6. **การตัดแต่งและแข่งเงิน**: กระจกสามารถถูกตัดแต่งในรูปทรงที่ต้องการ หลังจากนั้นถูกนำไปแข่งเงินเพื่อให้ผิวที่เราจะสัมผัสเป็นสีเงิน.
กระจกมีลักษณะที่เป็นทนต่อการแก่, ไม่มีสี, และมีความโปร่งใส. แก้วทำจากกระบวนการทำเหมือนกัน แต่อาจมีสมบัติต่าง ๆ ที่ทำให้แก้วสามารถนำมาใช้ในการเก็บสารอาหารหรือเครื่องดื่มได้ตามความเหมาะสม.
กระจกทำจากทรายจริงไหม?
กระจกไม่ทำจากทรายโดยตรง แต่ทรายเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตกระจก. กระจกทำจากสารออกซิไดค์ (silica) ที่เป็นส่วนหลัก, แต่ตะกอนหิน (limestone) และโซเดียมคาร์บอเนต (sodium carbonate) ก็เป็นส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการผลิต.
แก้วเป็นวัสดุที่ได้จากซิลิกาซึ่งมีอยู่ในทรายเนื้อละเอียดผสมกับสารเคมีชนิดอื่น อย่างตัวช่วยหลอมละลายหรือสารให้สีนำเข้าเเครื่องบดแล้วหลอมละลายด้วยอุณภูมิ 1500-1600 องศาเซลเซียสจนส่วนผสมต่างๆ หลอมเป็นแก้วเหลวจึงนำมาขึ้นรูปเพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แก้วเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษแข็งแรง ใส สะอาด ปลอดภัยและมีความเป็นกลางจึงได้รับความนิยมแพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำภาชนะบรรจุอาหาร ขวดน้ำอัดลม ถ้วยชาม เนื่องจากไม่ทำปฏิกิริยาใดๆ กับอาหารทำให้ไม่มีสารปนเปื้อน นอกจากนี้ยังใช้ผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ กระจก และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากบรรจุภัณฑ์จากแก้วจะมีความปลอดภัยและสวยงาม แก้วยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก